วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2408/2551

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2408/2551

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2408/2551

 แจ้งแก้ไขข้อมูล

จำเลยที่ 1 โอนสิทธิเรียกร้องที่จำเลยที่ 1 มีต่อลูกหนี้ของจำเลยที่ 1 ให้แก่โจทก์ และโจทก์ตกลงชำระค่าตอบแทนจากการรับโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่จำเลยที่ 1 เป็นการโอนสิทธิเรียกร้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 303 และ 306 โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องบังคับชำระหนี้เอาจากลูกหนี้ของจำเลยที่ 1 ได้ในนามของโจทก์ แต่เมื่อตามสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องที่จำเลยที่ 1 ทำไว้แก่โจทก์มีข้อตกลงในข้อ 6 ว่า "หากลูกค้าปฏิเสธไม่ยอมชำระหนี้หรือไม่สามารถชำระหนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือลูกค้าไม่ต้องชำระหนี้ไม่ว่าด้วยกรณีใดๆ ให้แก่ผู้รับโอน ผู้โอนตกลงยอมชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากการรับโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่ผู้รับโอนเป็นเงินเท่ากับจำนวนเงินที่ลูกค้าไม่ชำระหนี้ตามมูลหนี้พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดชำระหนี้เป็นต้นไปจนกว่าผู้รับโอนจะได้ชำระหนี้คืนครบถ้วน และผู้รับโอนจะมีสิทธินำเงินที่หักไว้ตามสัญญาข้อ 4 หรือค่าตอบแทนที่ผู้โอนจะได้รับจากการโอนสิทธิเรียกร้องนั้นมาหักชำระหนี้ได้ทันทีโดยไม่ป็นต้องแจ้งให้ผู้โอนทราบ..." ดังนี้ จำเลยทั้งสองจึงยังต้องรับผิดชำระหนี้ในสิทธิเรียกร้องที่โอนให้แก่โจทก์ไปแล้วตามข้อตกลงดังกล่าวด้วย

โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดในสิทธิเรียกร้องของจำเลยที่ 1 ที่มีต่อลูกหนี้ที่จำเลยที่ 1 นำมาโอนให้แก่โจทก์แล้วโจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามสิทธิเรียกร้องดังกล่าวจากลูกหนี้ของจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดตามสัญญา จึงเป็นการฟ้องให้จำเลยทั้งสองรับผิดตามสัญญาโอนสิทธเรียกร้องซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้โดยเฉพาะ ไม่ใช่กรณีที่โจทก์ฟ้องบังคับตามสิทธิเรียกร้องที่รับโอนจากจำเลยที่ 1 เรียกให้ลูกหนี้ของจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ในมูลหนี้อันเกิดจากสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยที่ 1 กับลูกหนี้อันมีอายุความ 2 ปี ฟ้องของโจทก์จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ฏีกาน่าสนใจมากครับ

เมื่อส่งข้อมูลทางโทรศัพท์ที่บันทึกภาพการข่มขืนหญิง ไปยังบุคคลอื่นเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทหญิงนั้นด้วยการโฆษณาตาม ป.อ. มาตรา 328 หรือไม่

ศึกษาวิเคราะห์จากฎีกา 1447/2557
ป.อ. มาตรา 326, 328 หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

ข้อเท็จจริง

1. พนักงานอัยการจังหวัดนราธิวาสโดยยื่นฟ้องจำเลยว่า วันใดไม่ปรากฏชัดประมาณต้นเดือนมีนาคม 2552 เวลากลางวัน จำเลยหมิ่นประมาทผู้เสียหายด้วยการโฆษณาด้วยสิ่งบันทึกภาพและเสียงโดยการส่งข้อมูลซึ่งมีภาพและเสียงผู้เสียหายในขณะจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ของนาย อ. ขณะอยู่ในความครอบครองของนาย ซ. อันเป็นการใส่ความผู้เสียหายต่อบุคคลที่สามที่ได้เห็นภาพและเสียงหลงเชื่อว่าผู้เสียหายไม่รักนวลสงวนตัว ยินยอมร่วมเพศกับจำเลยและให้จำเลยบันทึกภาพและเสียง เป็นการลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้เสียหาย โดยการกระจายภาพและเสียงทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ต่อมาวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2552 เวลากลางวัน จำเลยหมิ่นประมาทผู้เสียหายโดยการโฆษณาด้วยสิ่งบันทึกภาพและเสียงโดยการส่งข้อมูลซึ่งมีภาพและเสียงผู้เสียหายในขณะจำเลยกระทำเราผู้เสียหายผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบุคคลใดไม่ปรากฏชัดและบุคคลทั่วไป อันเป็นการใส่ความผู้เสียหายต่อบุคคลที่สามที่ได้เห็นภาพและเสียงหลงเชื่อว่าผู้เสียหายไม่รักนวลสงวนตัว ยินยอมร่วมเพศกับจำเลยและให้จำเลยบันทึกภาพและเสียงเป็นการลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ของผู้เสียหายโดยการกระจายภาพและเสียงทำให้ผู้เสียหายเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่ตำบลริโก๋ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ภายในอายุความแล้ว ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 91, 326, 328

2. คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาหรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า 
"การบันทึกภาพและเสียงเป็นการกระทำระหว่างผู้เสียหายกับจำเลยเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างแท้จริงระหว่างผู้เสียหายกับจำเลย ไม่สมควรนำมาเปิดเผยกับบุคคลอื่น การนำมาเปิดเผยต้องดูเจตนาความคาดหวังอันนำไปสู่ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้เสียหาย ดังเช่นที่จำเลยนำมาโอนถ่ายข้อมูลให้นาย ซ. ทราบเพื่อเป็นการประจานว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นคู่รักของนาย ซ. มีเพศสัมพันธ์กับจำเลยจริง ทั้งที่จำเลยรู้อยู่ว่านาย ซ. กับผู้เสียหายเป็นคู่รักกัน ทั้งนี้ก่อให้เกิดความเสียหายกับผู้เสียหายเพื่อให้นาย ซ. เลิกจากการเป็นคู่รักกับผู้เสียหาย และการที่จำเลยโอนถ่ายข้อมูลจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยนั้นก็เป็นการเผยแพร่ภาพและเสียงในลักษณะของการโฆษณาแล้ว นอกจากนี้ ปรากฏว่าในช่วงเวลาใกล้เคียงกันภาพและเสียงดังกล่าวถูกเผยแพร่ให้ญาติและผู้เสียหายทราบเรื่อง พฤติการณ์แห่งคดีจึงเชื่อได้โดยปราศจากสงสัยว่า จำเลยรักผู้เสียหายแต่ผู้เสียหายไม่ยอมแต่งงานด้วยแล้วกลับมาคบหาเป็นคนรักกับนาย ซ. เป็นเหตุให้จำเลยโกรธแค้นจึงเผยแพร่ภาพและเสียงดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตาม ป.อ. มาตรา 328 สองกระทง"