วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิแพ่งภาค ๒ อาจารย์สมชัย


คำอธิบายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ภาค ๒  วิธีพิจารณาในศาลชั้นต้น
อาจารย์สมชัย   ฑีฆาอุตมากร
  มาตรา ๑๗๐  ห้ามมิให้ฟ้อง  พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีเป็นครั้งแรกในศาลหรือโดยศาลอื่น นอกจากศาลชั้นต้น  เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้ชัดแจ้งเป็นอย่างอื่น
  มาตรา ๑๗๒ ภายใต้บังคับบทบัญญัติมาตรา ๕๗ ให้โจทก์เสนอข้อหาของตนโดย ทำคำฟ้องเป็น หนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้น 
  คำฟ้องต้องแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ  ทั้งข้ออ้างซึ่ง อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น
  ให้ศาลตรวจคำฟ้องนั้นแล้วสั่งให้รับไว้  หรือยกเสีย หรือให้คืนไป  ตามที่บัญญัติมาตรา ๑๘

  ฏ.๔๕๙/๓๖ คำร้องสอดชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาเท่านั้น  ส่วนคำขอบังคับมิได้มีคำขอโดย ชัดแจ้งถึงจำนวนเงินที่เรียกร้องหรือมีคำขอบังคับอยู่ในตัวต้องการให้บังคับอย่างไร  จึงเป็น  คำร้องสอดที่ไม่ชอบ
ฏีกาที่๔๓/๓๘_การที่ผู้ร้องสอดยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความอ้างว่าผู้ร้องสอดเป็นบุตรของเจ้าของ มรดกจึงเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิรับมรดกของเจ้าของมรดกส่วนโจทก์ไม่ใช่ทายาทโดยธรรม ที่มีสิทธิรับมรดกนั้นเป็นการร้องสอดเพราะจำเป็นเพื่อยังให้ได้รับความรับรองคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิที่มีอยู่แม้ท้ายคำร้องระบุว่าขอเข้าเป็นจำเลยร่วมโดยผิดหลงก็ถือได้ว่าเป็นการร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา57(1)และคำร้องขอดังกล่าวมีลักษณะเป็นคำขอบังคับอยู่ในตัวประกอบกับผู้ร้องสอดไม่ได้เรียกร้องอะไรเพียงแต่ขอให้ยกฟ้องจึงไม่จำต้องมีคำขอบังคับโดยแจ้งชัดในคำร้องสอดอีก คดีก่อนโจทก์กับผู้ร้องสอดพิพาทกันเกี่ยวกับเรื่องขอตั้งผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกคดีนี้พิพาทกันเกี่ยวกับทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกคดีทั้งสองเรื่องเกี่ยวข้องกันแต่มิใช่คดีเดียวกันโจทก์จะยกขึ้นมาเป็นเหตุคัดค้านผู้พิพากษาที่พิพากษาคดีนี้ในชั้นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา11(5)หาได้ไม่
-โจทก์บรรยายฟ้องแล้วว่า  เป็นนิติบุคคลประเภทห้างหุ้นส่วนจำกัด  จดทะเบียนในประเทศไทย ก็ย่อมเป็นอันเพียงพอที่จะทำให้เห็นว่าโจทก์เป็นบุคคลตามกฎหมายมีอำนาจฟ้องคดีได้  ทั้ง เอกสารการจดทะเบียนนิติบุคคลเป็นเอกสารมหาชนที่บุคคลทั่วไปสามารถตรวจสอบได้อยู่  แล้วว่าใครเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลนั้นๆได้
-ฟ้องไม่ได้บรรยายถึงการเป็นตัวแทนตัวการในการทำสัญญา  โจทก์ก็สามารถนำสืบได้ในชั้น พิจารณาไม่ถือว่าเป็นการนำสืบข้อเท็จจริงนอกฟ้องนอกประเด็น
-“ฟ้องเรื่องอะไร  ก็ต้องพิจารณาในเรื่องนั้นเป็นหลัก”  ----  ระวังให้ดีอาจออกข้อสอบได้   เช่น ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ขายฝากที่ดินให้แก่โจทก์  กำหนดไถ่ถอนภายใน ๓ เดือน  ครบกำหนดแล้ว  จำเลยที่ ๑ ไม่ไถ่ถอนและไม่ยอมออกไปจากที่ดิน  ทำให้เสียหาย  ขอให้ขับไล่และเรียกค่าเสีย หาย   “เป็นฟ้องขอให้ขับไล่ฐานละเมิดและเรียกค่าเสียหายไม่ได้ให้บังคับตามสัญญาขายฝาก  หรือกล่าวหาว่าผิดสัญญาอันจะต้องกล่าวระบุรายละเอียดในข้อสัญญา  โจทก์จึงไม่จำต้อง บรรยายฟ้องเกี่ยวกับราคาขายฝากและสินไถ่   ฟ้องโจทก์ได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่ง ข้อหาและคำขอบังคับตามมาตรา ๑๗๒ วรรคสองแล้ว  จึงไม่เคลือบคลุม  .....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น