กม.แพ่ง
ลักษณะหนี้ สรุปจากหนังสือของ ศ.ดร.จี๊ด เศรษฐบุตร
ลักษณะทั่วไปของหนี้
-แม้สิทธิหน้าที่ความรับผิดในหนี้ที่เกิดขึ้นจะเป็นทรัพย์สินก็ตาม แต่เป็นทรัพย์สินที่อยู่ในกองทรัพย์สิน patrimony ของลูกหนี้ที่การบังคับชำระหนี้จะต้องเป็นไปตามมาตรา ๒๑๓
-มาตรา ๒๑๓ ถ้าลูกหนี้ละเลยเสียไม่ชำระหนี้ของตน
เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้สั่งบังคับชำระหนี้ก็ได้ เว้นแต่สภาพ
แห่งหนี้จะไม่เปิดช่องให้ทำเช่นนั้นได้
เมื่อสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับชำระหนี้ได้ ถ้าวัตถุ
แห่งหนี้เป็นอันให้กระทำการอันหนึ่งอันใด เจ้าหนี้จะร้องขอต่อ
ศาลให้สั่งบังคับให้บุคคลภายนอกกระทำการอันนั้นโดยให้ลูกหนี้
เสียค่าใช้จ่ายให้ก็ได้ แต่ถ้าวัตถุแห่งหนี้เป็นอันให้กระทำนิติกรรม
อย่างใดอย่างหนึ่งไซร้ ศาลจะสั่งให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทน
การแสดงเจตนาของลูกหนี้ก็ได้
กำลังบังคับแห่งหนี้
มาตรา ๒๑๓ ปฐมบทแห่งอำนาจเต็มของการบังคับคดีได้เด็ดขาด ... “ถ้าลูกหนี้ละเลยเสียไม่ชำระหนี้ของตน เจ้าหนี้จะร้องขอต่อศาลให้บังคับชำระหนี้ก็ได้...
ข้อ ๑. บังคับชำระหนี้ได้เมื่อใด
-ฏ.๖๑๖๘/๓๔ แม้ในสัญญาจะซื้อขายที่ดินมีข้อความระบุให้จำเลยมีสิทธิชำระเงินส่วนเหลือได้ เมื่อจัดสรรขายที่ดินหมดแล้วโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา ข้อสัญญาดังกล่าวมีความหมายว่าจำเลยต้องรีบดำเนินการ การจัดสรรและเร่งรัดขายที่ดินภายในเวลาอันสมควร เมื่อจำเลยปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา
ข้อ ๒. การไม่ชำระหนี้ยังผลให้เจ้าหนี้เสียหาย
๑.ความเสียหายซึ่งเจ้าหนี้มีส่วนทำความผิดด้วย
๒.ความเสียหายนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นความเสียหายแก่ทรัพย์สิน
๓.ความเสียหายมี ๒ ชนิด คือ ขาดทุนกับขาดกำไร
๔.ความเสียหายต้องเป็นผลเนื่องมาจากการไม่ชำระหนี้
๕.ความเสียหายเนื่องจากการชำระหนี้ล่าช้า (โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นตัวเงิน หนี้อันเกิดแต่มูลละเมิดจึงเป็นหนี้เงิน ถือได้ว่าจำเลยผิดนัดมาแต่เวลาทำละเมิด จำต้องรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปี อันเป็นไปโดยผลแห่งกฎหมาย โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องนำสืบในเรื่องดอกเบี้ยอีก)(ถ้าในกรณีไม่ใช่หนี้เงิน เช่น กรณีส่งมอบทรัพย์สินที่ไม่ใช่ตัวเงินก็ดี หรือแม้กรณีให้ลูกหนี้กระทำการอันใดอันหนึ่งก็ดี และการชำระหนี้ล่าช้าไป โดยลูกหนี้ผิดนัดแล้ว ดังนี้ ลูกหนี้จะรับผิดทางสัญญาใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ก็ต่อเมื่อเจ้าหนี้นำหลักฐานมาสืบได้ว่าตนได้รับความเสียหายจริง สำหรับกรณีความผิดรับทางละเมิดก็ได้บังคับให้ผู้ละเมิดคืนทรัพย์สินหรือใช้ราคาทรัพย์ ตลอดจนผู้ละเมิดยังต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอย่างใดๆ ผู้ซึ่งเสียหายมีสิทธิเรียกร้องตาม ๔๓๘ วรรคสอง
-ข้อแตกต่างระหว่าง “ความรับ224ผิดทางสัญญา” - “ความรับผิดทางละเมิด”
-ความรับผิดทางสัญญา_การบอกปัดของเจ้าหนี้ , ระหว่างการชำระหนี้ล่าช้า ผลร้ายแห่งการชำระหนี้กลายเป็นพ้นวิสัย ย่อมเป็นพับแก่ลูกหนี้ผู้ผิดนัด มาตรา ๒๑๖ ,๒๑๗
-ความรับผิดทางละเมิด ปรากฏตามมาตรา ๔๓๙ มีลักษณะอย่างเดียวกับมาตรา ๒๑๗ “บุคคลผู้จำต้องคืนทรัพย์อันผู้อื่นต้องเสียไปเพราะการละเมิดแห่งตนนั้นยังต้องรับผิดชอบตลอดถึงการที่ทรัพย์นั้นทำลายลงโดยอุบัติเหตุ หรือการคืนทรัพย์ตกเป็นพ้นวิสัยเพราะเหตุอย่างอื่น โดยอุบัติเหตุหรือทรัพย์นั้นเสื่อมเสียลงโดยอุบัติเหตุนั้นด้วย เว้นแต่เมื่อการทีทรัพย์สินทำลาย หรือตกเป็นพ้นวิสัยจะคืน หรือเสื่อมเสียนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีการทำละเมิด ก็คงจะต้องตกไปเป็นไปอย่างนั้นอยู่นั้่นเอง”
๖.ความเสียหายที่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ต้องคาดหมายได้-ลูกหนี้ไม่ต้องคาดเห็นหรือควรจะคาดล่วงหน้าตั้งแต่ขณะทำสัญญาเสมอไป หากปรากฏว่าลูกหนี้ไม่คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นก่อนประพฤติผิดสัญญาก็เพียงพอที่ลูกหนี้จะต้องรับผิดได้