วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2557

10344/2550

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยกับพวกอีกสองคนขับรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนไปจอดที่หน้าร้านค้าของนางสุณีผู้เสียหาย แล้วจำเลยลงจากรถเข้าไปในร้านใช้อุบายขอซื้อกระดาษทิสชูและปลั๊กไฟฟ้า เมื่อนางสาวนิภาบุตรสาวเดินไปหยิบปลั๊กไฟฟ้านั้น จำเลยเดินตามเข้าไปด้วย ขณะนางสาวนิภากำลังหยิบสินค้าและเผลอนั้น พวกของจำเลยอีกคนหนึ่งลงจากรถเข้าไปลักบุหรี่จำนวน 7 หีบ ราคา 1,918 บาท ซึ่งวางอยู่ในตู้หน้าร้านขึ้นรถหลบหนีไป ส่วนจำเลยขึ้นรถไม่ทันและถูกผู้เสียหายกับพวกจับกุมไว้ได้ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยได้กระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยใช้อุบายเข้าไปขอซื้อสินค้า เมื่อนางสาวนิภาไปหยิบสินค้าและเผลอ พวกของจำเลยลงจากรถลักบุหรี่ไปจากร้านค้าของผู้เสียหายนั้น ได้ความว่านางสาวนิภาและนายวิษณุซึ่งอยู่ในร้านค้ามิได้รู้เห็น แสดงว่า พวกของจำเลยลอบลักหยิบเอาบุหรี่ไปโดยไม่ให้บุคคลในร้านเห็น แม้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในร้านตัดผมฟากถนนฝั่งตรงข้ามจะเห็นเหตุการณ์ขณะพวกของจำเลยลงจากรถเข้าไปลักบุหรี่ก็ตาม แต่ก็ได้ความว่า ผู้เสียหายอยู่อีกฟากถนนและเห็นเหตุการณ์ในระยะห่าง 20 เมตร ตามแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.2 ลักษณะการกระทำดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าพวกของจำเลยเอาบุหรี่ของผู้เสียหายไปต่อหน้าผู้เสียหาย การกระทำของพวกของจำเลยไม่เป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น